タイが誇るロックスター、バンク・プリーティのソロコンサート「The Nature of Sorrow」に感動 父と息子で体験した特別な一夜
先週の土曜日、息子と一緒にロックバンドCLASHのボーカリスト、バンク・プリーティのソロコンサートに足を運んだ。会場はタマサート大学の劇場だ。
プロムポンから電車に乗り、ラチャテーウィー駅で下車。そこから車に乗り換えてタマサート大学のタープラチャンキャンパスへと直行した。1934年創立の由緒あるこの大学を訪れるのは、実は初めてのことである。
王宮前広場の正面に堂々と建つ劇場が今夜のコンサート会場だ。到着すると、お揃いの黒いTシャツを着た人々の群れが目に飛び込んできた。Tシャツには「BANK」の文字が力強く描かれている。開演の1時間前というのに、すでに物凄い人だかりができていた。
彼のバンド、CLASHは休止状態とはいえ、ボーカルであるバンク・プリーティの人気ぶりを物語る光景に期待が膨らむ。ファンの熱気に包まれながら、コンサートの開演を待ち望んだ。
顔の広いバンクのコンサートだけあって、彼のスタッフはもちろん、色んなゲストにも会うことができた。驚いたのは、BNK48の日本で撮影したミュージックビデオの監督も来ていたことだ。日本で撮影された両作品、クラッシュの「ロンリー」撮影のクルーとBNK48の「ビリーバーズ」撮影のクルーがここで集結していた。このメンバーと一緒にいると、昔のことがまるで一瞬で蘇るようだった。
着席スタイルの会場で私は後方の席に着いた。客席は満席だが、落ち着いた雰囲気が漂っている。2000年代のタイロックシーンで一躍スターとなり、数々のヒット曲を持つCLASHだけあって、観客の年齢層は自分と同じくらいだ。
最近はヒップホップのイベントや、年齢層が広いフェスにばかり行っていたので、ミレニアム世代のコンサートは久しぶりの体験だ。しかし、タイもこれから本格的な高齢化社会を迎えようとしている。実際、2000年代のファッションや音楽などのミレニアム文化は、タイでもしっかりとした地位を確立し、一つのジャンルとして認知されている。アーティストの再結成や懐メロコンサートなども、今でも根強い人気を誇っているのだ。
一曲目が始まった。バンクの伸びやかな声とパワフルなボーカルに、いつも心を奪われる。才能あるボーカリストが曲に入る瞬間が好きなのだ。静かで力強いバラードは、バンクのソロ曲の特徴でもある。コンサートタイトル「The Nature of Sorrow」からも伝わるように、悲しい愛の歌が多い。初めてタイロックに衝撃を受けた時、観客がアーティストに負けないくらいの声で合唱していたが、このコンサートでも皆で歌った。皆んなきっとそれぞれの思い出に浸ったり、様々な感情に心を揺さぶられ、会場は感動に包まれていった。
劇場の舞台装置を活かしバンクが岩の上に立つシーンや、背景に映し出される壮大なスクリーンと曲が重なる演出は、まるでオペラを鑑賞しているような気分にさせた。途中、ロックの曲では見せたことのないバリトンの歌い方も披露し、新たな一面を見せる。以前、サイアムパラゴンのパラゴンホールでLUNA SEAの河村隆一さんがソロコンサートを行った際にも、バリトンの歌唱法を披露していたのを思い出した。
バンクは最初の白いロックスター風の衣装を脱ぎ捨て、いつもの黒いタンクトップ姿に変身した。後半はアップテンポな曲も交え、新曲の「ウェーオ・ター」では観客が総立ちとなった。バンクのテーマカラーである青いLEDを波のように掲げながら、CLASH時代の名曲を大合唱する場面も印象的だった。全部で17曲、バンクの歌声を存分に堪能することができた。コンサートの詳細は、後日公式ファンページで発表されるかもしれない。
このコンサートは先着順に席が割り振られるため、ファンは早朝から行列に並んでいたらしい。バンクはコンサートの最後に、そのファンに着ていた服をプレゼントすると約束していた。そしてコンサート鑑賞を終えて出口に向かうと、バンクの撮影チームが待っていてくれて、バンクに挨拶させてもらえることになった。普段彼とは盆栽や、日本の城や歴史の話ばかりしていてミュージシャンとしての彼とは接することが少ないので、とても緊張してしまう。でも、こんなに素晴らしいコンサートを成功させた彼は尊敬する友人だし、これからもっともっと活躍してもらいたいと心から思った。そんなバンクは今日から日本旅行に行く予定で、帰国したらまたタイ国内でのツアーが始まる。
タイに住んでいると色んなコンサートが見られる機会がある。そしてタイのアーティストたちはとても親日で、こうやって日本からのファンたちを受け入れてくれる。今回のコンサートはオンラインの申し込みだけで無料で見られるものだが、ブログにそれを書いたところ何人かの読者様が見に来てくれた。その中でも、タイ人の恋人と一緒に観に来られた方から、一生の思い出になったと御礼を言っていただけた。こうやって、音楽やアートを通じて、タイで人との実際の繋がりが広がっていくことにも感謝したい。
ノータイミュージック、ノータイライフ。
ร็อคสตาร์แห่งไทย "แบงค์ ปรีติ" จัดคอนเสิร์ตเดี่ยวสุดประทับใจใน "The Nature of Sorrow" คุณพ่อและลูกชายร่วมสัมผัสค่ำคืนสุดพิเศษ (*แปลไทย)
ร็อคสตาร์แห่งไทย "แบงค์ ปรีติ" จัดคอนเสิร์ตเดี่ยวสุดประทับใจใน "The Nature of Sorrow" คุณพ่อและลูกชายร่วมสัมผัสค่ำคืนสุดพิเศษ
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมและลูกชายได้มีโอกาสไปชมคอนเสิร์ตเดี่ยวของ "แบงค์ ปรีติ" นักร้องนำวง CLASH ณ โรงละครมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เราเดินทางจากสถานีพร้อมพงษ์ด้วยรถไฟฟ้า ลงที่สถานีราชเทวี จากนั้นต่อรถยนต์ไปยังมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาเยือนมหาวิทยาลัยที่เปี่ยมด้วยประวัติศาสตร์แห่งนี้ ซึ่งก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2477
โรงละครที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าลานพระบรมรูปทรงม้า คือสถานที่จัดคอนเสิร์ตในค่ำคืนนี้ เมื่อมาถึง สิ่งแรกที่สะดุดตาคือกลุ่มผู้ชมที่สวมเสื้อยืดสีดำสกรีนชื่อ "BANK" อย่างเด่นชัด ทั้งที่ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงก่อนคอนเสิร์ตจะเริ่ม แต่ผู้คนกลับมารอคอยกันอย่างคับคั่งแล้ว
ถึงแม้ CLASH จะพักวงไปแต่เมื่อเห็นแฟน ๆ ที่หลั่งไหลมาชมคอนเสิร์ตเดี่ยวของแบงค์ ปรีติในค่ำคืนนี้ ก็ทำให้รู้ถึงความนิยมของเขา พวกเรารอคอยด้วยความตื่นเต้นท่ามกลางพลังงานอันเร่าร้อนจากแฟนเพลง
ด้วยความที่แบงค์มีเครือข่ายกว้างขวาง คอนเสิร์ตนี้จึงมีทั้งเหล่าทีมงานของเขา และแขกรับเชิญมากมาย ที่น่าประหลาดใจคือ ผู้กำกับมิวสิควิดีโอของ BNK48 ที่ถ่ายทำในญี่ปุ่นก็มาร่วมชมงานนี้ด้วย ทีมงานที่ถ่ายทำเอ็มวี "Lonely" ของ CLASH และเอ็มวี "Believers" ของ BNK48 ณ ประเทศญี่ปุ่น ได้มารวมตัวกันที่นี่ การได้อยู่ท่ามกลางคนกลุ่มนี้ ทำให้รำลึกถึงช่วงเวลาในอดีตที่ผ่านมา
ผมได้นั่งเก้าอี้แถวหลังของฮอลล์ ทุกที่นั่งเต็มไปหมด แต่บรรยากาศโดยรวมยังคงให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ในยุค 2000 CLASH เป็นวงที่โด่งดังมากในวงการร็อคไทย มีเพลงฮิตมากมาย จึงไม่แปลกที่ผู้ชมส่วนใหญ่จะอายุไล่เลี่ยกับผม
ช่วงหลัง ๆ มานี้ ผมไปชมแต่คอนเสิร์ตฮิปฮอปหรือเทศกาลดนตรีที่มีผู้ชมหลากหลายช่วงวัย การได้กลับมาชมคอนเสิร์ตที่แฟน ๆ ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นมิลเลนเนียลอย่างนี้จึงถือเป็นประสบการณ์ที่ห่างหายไปนาน อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว แท้จริงแล้ว วัฒนธรรมยุคมิลเลนเนียลอย่างแฟชั่นและดนตรีในช่วงปี 2000 ได้สร้างบทบาทสำคัญในสังคมไทย และได้รับการยอมรับในฐานะหนึ่งในแนวดนตรีหลักของประเทศ การรวมวงอีกครั้งของศิลปินและคอนเสิร์ตเพลงฮิตยุคคลาสสิกก็ยังได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย
คอนเสิร์ตเริ่มต้นขึ้นด้วยเพลงแรก เสียงร้องที่นุ่มนวลแต่ทรงพลังของแบงค์ก็ยังคงเรียกสติและครองใจผมเช่นเคย ช่วงเวลาที่นักร้องมากความสามารถกำลังจะเริ่มต้นเปล่งเสียงเพลงเป็นช่วงเวลาที่ผมชื่นชอบเป็นพิเศษ บัลลาดที่เงียบสงบแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแบบนี้เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของเพลงเดี่ยวแบงค์ ชื่อคอนเสิร์ต "The Nature of Sorrow" บ่งบอกได้ถึงเนื้อหาของเพลงส่วนใหญ่ที่เกี่ยวกับความรักอันเศร้าหมอง ในครั้งแรกที่ผมตกตะลึงกับร็อคไทย ก็เห็นแฟนเพลงพากันร้องประสานเสียงกับศิลปินอย่างดุเดือด ในคอนเสิร์ตนี้ก็เช่นกัน ทุกคนร่วมกันขับขานถึงรัก ย้อนรำลึกความหลังกับคนรักเก่า และปล่อยให้อารมณ์ความรู้สึกไหลเวียนไปในแต่ละท่วงทำนอง ฮอลล์คอนเสิร์ตอบอวลไปด้วยพลังแห่งความซาบซึ้ง
เวทีได้รับการออกแบบอย่างดีให้เข้ากับบรรยากาศของโรงละคร เราได้เห็นแบงค์ยืนอยู่บนหินผาจำลอง มีจอขนาดยักษ์ฉายภาพตระการตาประกอบกับดนตรี ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังชมโอเปร่าอยู่ ในช่วงกลางคอนเสิร์ต เขายังแสดงลูกคอด้วยการร้องแนวบาริโทนซึ่งไม่เคยได้ยินในเพลงร็อคมาก่อน โชว์มุมมองใหม่ให้แฟน ๆ ได้เห็น ผมนึกถึงตอนที่ริวอิจิ คาวามูระ แห่งวง LUNA SEA มาจัดคอนเสิร์ตเดี่ยวที่พารากอนฮอลล์ สยามพารากอน เขาก็แสดงเทคนิคการร้องแบบบาริโทนในคอนเสิร์ตนั้นเช่นกัน
แบงค์ถอดเสื้อสีขาวสไตล์ร็อคสตาร์ที่ใส่มาตั้งแต่ต้นออก เผยให้เห็นเสื้อกล้ามสีดำสุดคลาสสิกที่เป็นเสมือนเครื่องหมายการค้าของเขา ช่วงหลังคอนเสิร์ตมีเพลงที่มีจังหวะสนุกสนานยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเพลงใหม่อย่าง "Wao Tah" ที่ทำเอาผู้ชมทั้งฮอลล์ลุกขึ้นยืน นอกจากนี้ การที่แฟน ๆ ช่วยกันโบกแท่งไฟ LED สีฟ้า ซึ่งเป็นสีประจำตัวของแบงค์ ประกอบกับการร้องเพลงฮิตสมัย CLASH ก็เป็นอีกหนึ่งช็อตเด็ดของค่ำคืนนี้ ผมสนุกไปกับเสียงร้องของแบงค์ตลอด 17 เพลง รายละเอียดของคอนเสิร์ตอาจจะมีการประกาศในแฟนเพจอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
การจัดที่นั่งในคอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นระบบมาก่อนได้ก่อน แฟน ๆ จึงต้องมาต่อแถวกันตั้งแต่เช้าตรู่ แบงค์สัญญาว่าจะมอบเสื้อที่ใส่ในคอนเสิร์ตให้กับแฟนคลับที่มาเข้าคิวกันในวันนั้น และเมื่อคอนเสิร์ตจบลง ระหว่างที่เดินไปทางประตูทางออก ทีมช่างภาพของแบงค์ก็รออยู่เพื่อเปิดโอกาสให้เราได้ทักทายกับเขา ปกติผมมักจะคุยกับเขาแต่เรื่องต้นบอนไซ ปราสาท และประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น ไม่ค่อยได้มีโอกาสพบปะกับเขาในฐานะนักดนตรี จึงรู้สึกตื่นเต้นมาก แต่การที่เขาสามารถจัดคอนเสิร์ตที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้สำเร็จ ทำให้ผมเคารพในตัวเขาในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง และหวังว่าจะได้เห็นผลงานที่ยอดเยี่ยมจากเขาอีกในอนาคต วันนี้แบงค์จะออกเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น และเมื่อกลับมาเขาก็จะเริ่มทัวร์คอนเสิร์ตในประเทศไทยอีกครั้ง
การใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยทำให้ผมมีโอกาสไปชมคอนเสิร์ตหลากหลายรูปแบบ ศิลปินไทยก็เป็นมิตรกับคนญี่ปุ่นมาก และพร้อมต้อนรับแฟนเพลงอย่างอบอุ่นแบบนี้เสมอ ที่น่าทึ่งคือคอนเสิร์ตครั้งนี้สามารถเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพียงแค่ลงทะเบียนออนไลน์ พอผมเขียนเรื่องนี้ลงในบล็อก ก็มีผู้อ่านหลายคนสนใจมาร่วมชมคอนเสิร์ต และมีคู่รักชาวไทยคู่หนึ่งที่มาด้วยกัน ได้เขียนข้อความขอบคุณมาบอกว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้จะเป็นความทรงจำที่ดีตลอดชีวิตของพวกเขาเลยทีเดียว การที่ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมดนตรีและศิลปะเช่นนี้ ทำให้ผมได้สานสัมพันธ์กับผู้คนในประเทศไทยอย่างใกล้ชิดมากขึ้น นับเป็นเรื่องที่น่าซาบซึ้งใจมาก ไม่มีดนตรีไทย ก็ไม่มีชีวิตในแบบฉบับคนไทย
#バンクプリーティ #タイロック #CLASH #コンサート #タマサート大学 #ミレニアル世代 #タイ音楽シーン #親日アーティスト #音楽で紡ぐ絆 #ノータイミュージックノータイライフ
この記事が気に入ったらサポートをしてみませんか?